ประเภทของ Routing

ประเภทของ Routing 

Routing มีอยู 2 แบบ หลักๆ ได้แก 
                         •  แบบสเตติก (Static Route)
                    •  แบบไดนามิก (Dynamic Route)

การเลือกเส้นทางแบบ Static

การเลือกเส้นทางแบบ Static นี้การกำหนดเส้นทางการคำนวณเส้นทางทั้งหมด กระทำโดยผู้บริหารจัดการเครือข่าย ค่าที่ถูกป้อนเข้าไปในตารางเลือกเส้นทางนี้มีค่าที่ตายตัว ดังนั้นการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นใดๆ บนเครือข่าย จะต้องให้ผู้บริหารจัดการดูแล เครือข่าย เข้ามาจัดการทั้งสิ้น อย่างไรก็ดีการใช้วิธีการทาง Static เช่นนี้ มีประโยชน์เหมาะสำหรับสภาพแวดล้อมดังนี้
                         •  เหมาะสำหรับเครือข่ายที่มีขนาดเล็ก
                         •  เพื่อผลแห่งการรักษาความปลอดภัยข้อมูล เนื่องจากสามารถแน่ใจว่า ข้อมูลข่าวสารจะต้องวิ่งไปบนเส้นทางที่กำหนดไว้ให้ตายตัว
                         •  ไม่ต้องใชSoftware เลือกเส้นทางใดๆ ทั้งสิ้น
                    •  ช่วยประหยัดการใช้แบนวิดท์ของเครือข่ายลงได้มาก เนื่องจากไม่มีปัญหาการ Broadcast หรือแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่าง Router ที่มาจากการใช้โปรโตคอลเลือกเส้นทาง  

เป็นที่ทราบดีแล้วว่า การเลือกเส้นทางแบบ Static เป็นลักษณะการเลือกเส้นทางที่ถูกกำหนดโดยผู้จัดการเครือข่าย เพื่อกำหนดเส้นทางการเดินทางของข้อมูลที่ตายตัว หรือเจาะจงเส้นทางปกติ Router สามารถ Forward Packet ไปข้างหน้า บนเส้นทางที่มันรู้จักเท่านั้น ดังนั้นการกำหนดเส้นทางเดินของแพ็กเก็ตให้กับ Router จึงควรให้ความระมัดระวัง
วิธีการจัด Configure แบบ Static Route ให้กับ Router Cisco ให้ใส่คำสั่ง ip route ลงไปที่ Global Configuration Mode มีตัวอย่างการใช้คำสั่ง ดังนี้

ip route network [ mask ] {address | interface} [distance] [permanent] 
         •  Network เครือข่าย หรือ Subnet ปลายทาง 
         •  Mask หมายถึงค่า Subnet mask 
         •  Address IP Address ของ Router ใน Hop ต่อไป 
         •  Interface ชื่อของ Interface ที่ใช้เพื่อเข้าถึงที่หมายปลายทาง 
         •  Distance หมายถึง Administrative Distance 
         •  Permanent เป็น Option ถูกใช้เพื่อกำหนด เส้นทางที่ตั้งใจว่าจะไม่มีวันถอดถอนทิ้ง ถึงแม้ว่า จะปิดการใช้งาน Interface ก็ตาม 

 ตัวอย่างการใช้งานคำสั่งเลือกเส้นทางแบบ Static มีดังนี้  
Router ( config ) # ip route 172.16.1.0 255.255.255.0 172.16.2.1 




รูปที่ 3 แสดงลักษณะที่ Router A ได้รับการจัดตั้ง Configure ด้วย Static Route ไปที่ 172.16.1.0  


การจัด Configure Default Routers
Router อาจไม่สามารถทราบถึงเส้นทางที่จะเดินทางไปสู่เครือข่ายอื่นๆ ทั้งหมด ดังนั้นหากต้องการให้ Router ทุกตัวบนเครือข่าย สามารถทราบถึงเส้นทางที่จะเดินทางไปทั่วทั้งเครือข่ายต่างๆท่านจะต้องกำหนด Default Router ขึ้นมาตัวหนึ่ง 
ในการจัดตั้ง Default Router ท่านจะต้องใส่คำสั่งต่อไปนี้เมื่อ Router อยู่ใน Global Configuration Mode ดังนี้
 
Router (config) # ip default - network network number   Network number ในที่นี้เป็น IP Network Number หรือ Subnet Number ที่กำหนดเป็น Default
 
เมื่อใดที่แอดเดรสของเครือข่ายปลายทางไม่ปรากฏอยู่ในตารางเลือกเส้นทางแล้ว แพ็กเก็ตจะถูกส่งไปที่ Default Network ด้วยเหตุนี้ Default Network จะต้องมีตัวตนอยู่ในตารางเลือกเส้นทาง ข้อดีของการใชDefault Routes ได้แก่ ที่สามารถลดขนาดของตารางเลือกเส้นทางลงได

       เหตุผลของการใช Default Routes คือเมื่อท่านต้องการเส้นทางที่จะส่งข้อมูลออกไปแต่ในตารางเลือกเส้นทางมีข้อมูลเพียงบางส่วน เกี่ยวกับเครือข่ายปลายทาง ทั้งนี้ เนื่องจาก Router ไม่มีข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับเครือข่ายทั้งหมด แต่มันสามารถใช้ ค่า Network Number ปริยาย เพื่อบ่งบอกหนทางที่เข้าถึง Network Number ที่ไม่รู้จักได  


รูปที่ 4 แสดง การใชDefault Network บ่งบอกที่ ๆ แพ็กเก็ตจะถูกส่งเมื่อ Router ไม่ทราบทางที่จะเข้าถึงปลายทาง


จากรูปที่ 4 แสดงการใช้ คำสั่ง ip default-network 192.168.17.0 และกำหนด ให้ 192.168.17.0 เป็นเส้นทางสำหรับปลายทางที่แพ็กเก็ตจะเดินทางไป โดยที่ปลายทางดังกล่าวไม่ปรากฏอยู่ในตารางเลือกเส้นทาง
และเพื่อป้องกันการอัพเดตที่อาจเกิดขึ้นโดยภายนอกบริษัท X อาจติดตั้ง Firewall ไว้ที่ Router A ก็ได และเพื่อ ให้เครือข่ายต่างๆ ของ บริษัท X สามารถแชร์หรือแบ่งการใช้งาน Router ระหว่างกัน ก็สามารถนำมาจับกลุ่มในลักษณะที่เรียกว่า Autonomous System Number 

หน้าถัดไป